ณัฐพล พงพันธ์ เกิดเมื่อวันที่ 01 ธันวาคม ที่จังหวัดพิษณุโลก แต่อาศัยอยู่บ้านแถวชนบทห่างไกลชุมชนที่ตำบลกกแรต อำเภอกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย มีมารดาชื่อนางจำเนียร พงพันธ์และบิดาชื่อนายสุบิล พงพันธ์ ครอบครัวมีพี่น้อง 2 คน พี่ชายชื่อ สอ.เสกสรร พงพันธ์
ณัฐพล ปี 2559 ได้เข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเลือกเรียนเพราะว่าใกล้บ้านและเป็นมหาวิทยาลัยระดับต้นๆในประเทศไทย ได้เข้ามามาเรียนในคณะสาธารณสุขศาสตร์ สาขาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ขณะนั้นไม่รู้ด้วยว่าเรียนจบแล้วจะไปทำอะไร ทำงานอะไร เรียนยากไหม แต่มีเป้าหมายเดียวว่าจะต้องเรียนให้จบ ซึ่งการเรียนก็อยู่ระดับกลางๆเหมือนเคย แต่เพิ่มด้วยการทำกิจกรรมในช่วงที่เรียน จึงได้รับโอกาสพิเศษ เช่น ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานสโมสรนิสิต, ได้รับการแต่งตั้งรองประธานสมาพันธ์นิสิตนักศึกษาสาธารณะสุขศาสตร์แห่งประเทศไทย และทำงานเสริมเพื่อลดภาระของที่บ้านด้วย และได้รับโอกาสที่ดีอีกครั้งการเข้ารับฝึกประสบการณ์ที่บริษัทชั้นนำระดับประเทศชื่อบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตเลียม จำกัด (มหาชน) จนจบการศึกษาเมื่อ ปี 2563
ในปีเดียวกัน ปี 2563 ได้เริ่มทำงานในบริษัทให้บริการซ่อมบำรุงอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ปีโตรเคมี โรงกลั่น โรงแยกก๊าซ ชั้นนำชื่อบริษัทซีอาร์ เอเซีย(ประเทศไทย)จำกัด ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ซีอาร์3(ประเทศไทย)จำกัด ทำงานอยู่ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับวิชาชีพ ประจำไซร์งานมีพนักงานเกือบ 200 คน
ต่อมาจุดเปลี่ยนสำคัญเมื่อบริษัทอบรมแห่งหนึ่งต้องการผู้มีคุณสมบัติวิทยากรความปลอดภัยในการทำงานขึ้นได้ประสานให้มาเป็นวิทยากรจะผ่านคุณสมบัติ ขณะนั้นได้รับตำแหน่งเป็นวิทยากรความปลอดภัยในการทำงานที่อับอากาศ และวิทยากรดับเพลิงขั้นต้น โดยได้รับการรับรองคุณสมบัติโดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน พร้อมทั้งยังสามารถบรรยายหลักสูตรความปลอดภัยอื่น เช่น การทำงานบนที่สูงอย่างปลอดภัย, ความปลอดภัยในการทำงานเกี่ยวกับปั้นจั่น, การขับขี่รถยกอย่างปลอดภัย, ความปลอดภัยในการทำงานของพนักงานใหม่, การติดตั้งนั่งร้านและการตรวจสอบนั่งร้าน และหลักสูตรความปลอดในการทำงานอื่น
ปัจจุบัน ณัฐพล พงพันธ์ เป็นนักธุรกิจการให้บริการทำความสะอาดเฉพาะด้านและธุรกิจอาหารสุขภาพและธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งในประเทศรวมถึงกำลังขยายไปต่างประเทศ และยังยืนหยัดการเป็นวิทยากรความปลอดภัยในการทำงานอิสระให้ความรู้ด้านความปลอดภัยแก่ผู้ใช้แรงงานนำความรู้ไปใช้ในเกิดความปลอดภัยแก่ชีวิตของตนเอง โดยมีคติที่ถ่ายทอดคือ "งานไม่ใช้ทั้งหมดของชีวิต แต่ความปลอดภัยคือชีวิต" พร้อมทั้งยังพัฒนามาตรฐานความรู้ด้านความปลอดภัยของประเทศสูงขึ้นไปยิ่งขึ้นเพื่อทัดเทียมนานาชาติในอนาคต